รู้หรือไม่ว่า ชื่อเรียกดินสอแต่ละชนิดแตกต่างกันอย่างไร

ดินสอ คืออุปกรณ์เครื่องเขียนที่มีขายและหาซื้อได้อย่างง่ายตามท้องตลาดทั่วไป แต่ที่เห็นว่าดินสอมีเกลื่อนตลาดนั้น มักจะมีลักษณะ คุณสมบัติ และหน้าที่ในการใช้งานที่แตกต่างกัน อันมีเหตุผลมาจากงานขีดเขียนที่ต้องใช้ดินสอในแต่ละงานไม่มีความเหมือนกัน ดินสอจึงต้องถูกออกแบบมาให้ใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสมในการใช้งานอย่างมากที่สุด

โรงงานดินสอ จึงจำเป็นต้องผลิตดินสอแต่ละชนิดให้มีความสอดคล้องกับชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงหรือความอ่อนบางของไส้ดินสอจากแกรไฟต์ที่เป็นส่วนผสมอยู่ด้านใน โดยปกติแล้วดินสอแต่ละแบบจะมีชื่อหรือรหัสเรียกที่แตกต่างกัน สามารถแบ่งจำพวกตามเกรดความแข็งแรงของไส้ดินสอได้ 3 เกรด คือ

เกรดไส้แข็งแรง เป็นเกรดดินสอที่ระบุขนาดความแข็งแรงที่มาควบคู่กับอักษรภาษาอังกฤษตัว H ที่ย่อมาจากคำว่า Hard จะมีลักษณะความคงทน แข็งแรง และความคมเข้มของดินสอมากกว่าชนิดอื่น ๆ เช่น 4H, 5H, 6H เป็นต้น ยิ่งตัวเลขระบุมากเท่าไร นั้นแสดงว่ามีความแข็งแรงมากขึ้นเท่านั้น

เกรดปานกลาง ดินสอประเภทนี้จะมีไว้สำหรับการใช้งานทั่วไป ความแข็งและความหนารวมถึงความคมชัดของไส้ดินสอภายในจะไม่เทียบเท่ากับชนิดแรก ส่วนชื่อเรียกอาจจะมีการระบุตัวอักษรภาษาอังกฤษเพิ่มอีก 2 ตัว คือ ตัว B ย่อมาจากคำว่า Black และตัว F ที่มาจากคำว่า Fine

เกรดอ่อน ไส้ประเภทนี้จะเหมาะสำหรับการเขียนแบบปกติหรือเขียนงานศิลปะชนิดต่าง ๆ เนื่องจากไส้ดินสอจะไม่ดำมากนัก จึงเหมาะกับการใช้งานเขียนมากกว่าใช้ในการเขียนแบบอุตสาหกรรม ซึ่งชื่อเรียกจะเน้นตัวอักษรหลักเป็นตัวภาษาอังกฤษตัว B ส่วนตัวเลขที่ระบุมาก็บ่งบอกถึงความดำในแต่ละแบบ ยิ่งตัวเลขมากก็ยิ่งดำมาก เช่น 2B, 3B, 5B หรือ 7B เป็นต้น

จะเห็นได้ว่าจากเกรดชนิดดินสอที่กล่าวไปในข้างต้นนั้น ส่วนใหญ่แล้วไม่ว่าเกรดชนิดใดมักจะต้องมีรหัสตัวอักษรภาษาอังกฤษเข้ามาระบุเกี่ยวข้องด้วย แต่รู้หรือไม่ว่ารหัสเหล่านั้นมันมีความหมายแฝงอยู่ ซึ่งแต่ละรหัสที่ระบุจะสามารถบ่งบอกถึงความแข็ง ความเข้ม และความละเอียดของดินสอแท่งนั้นได้ โดยมีวิธีการดูดังนี้

มาเริ่มจากตัวแรก H มาจากคำว่า Hard ที่แปลว่าหนัก แต่ความหมายในวงการดินสอ Hard ตัวนี้จะแปลว่าแข็ง นั้นหมายความว่า ดินสอแท่งนั้นมีไส้ที่แข็งมากเท่าไร โดยปกติแล้วจะระบุมาพร้อมกับตัวเลขด้านหน้าที่บ่งบอกถึงระดับความแข็งของไส้ดินสอนั้น ๆ

ตัวอักษรที่สองตัว B มาจากคำว่า Black หรือบางตำราก็จะเขียนว่า Blackness ที่แปลว่าความดำ ดินสอที่มีรหัสตัว B หมายถึงไส้ดินสอนั้นมีไส้ที่มีความดำ ส่วนตัวเลขที่ระบุด้านหน้านั้นจะสามารถบ่งบอกถึงระดับความเข้มของไส้ ยิ่งตัวเลขมากเท่าไรความเข้มก็จะมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วรหัสตัว B มักจะอยู่ในเกรดดินสอแบบอ่อน ไม่ค่อยมีความคงทนมากเท่าที่ควร ถ้าใช้น้ำหนักในการกดหรือลากที่มากเกินไปจะหักได้ง่าย เวลาใช้จึงไม่ควรเหลาเป็นปลายแหลมยาวมากไป

ตัวอักษรตัวสุดท้ายตัว F มาจากคำว่า Fine หมายถึงความละเอียดและความคมชัดของไส้ดินสอ ส่วนใหญ่แล้วอักษรตัวนี้จะอยู่ในประเภทเกรดดินสอปานกลาง ซึ่งรหัสดินสอประเภทนี้จะไม่ค่อยระบุตัวเลขไว้ เนื่องจากเป็นการบอกถึงลักษณะการใช้งานไม่ได้หมายรวมถึงระดับการใช้งานนั้น ๆ

ส่วนรหัสประเภทสุดท้ายที่มีตัวอักษร 2 ตัวเขียนติดกัน เช่น HB และ HH นั้นหมายความว่า

Hard and Black (HB) คือดินสอที่มีคุณสมบัติทั้งความแข็งหนาและความดำที่ผสมกันผสานกันอยู่ในด้ามเดียว เหมาะสำหรับใช้ในการวาดรูปหรือวาดเขียนที่เน้นลายเส้นโดยเฉพาะ

Very Hard (HH) ก็จะหมายถึงดินสอที่มีความแข็งมากเป็นพิเศษ ชนิดนี้จะค่อนข้างมีความแข็งแรงทนทาน และใช้งานได้อย่างยาวนาน

ในปัจจุบัน ดินสอที่นิยมใช้กันอยู่ส่วนใหญ่แล้วจะมีด้วยกัน 2 ชนิดหลัก ประกอบด้วย

  1. ดินสอแบบเปลือกไม้

ดินสอประเภทนี้ทุกคนคงจะคุ้นชินกันมาตั้งแต่สมัยเด็ก มักต้องใช้คู่กับกบเหลาดินสอโดยเปลือกหุ้มไส้ภายนอกจะมีลักษณะเป็นไม้และไส้ดินสอจะอยู่ภายใน หากใช้ไปนานวันเข้าความยาวของไส้ดินสอก็จะหดลงเรื่อย ๆ จึงต้องหมั่นเหลาอยู่เป็นประจำ ซึ่งไส้ดินสอไม้จะมีขนาดประมาณ 10 มม. เพื่อให้พอเหมาะกับรูปร่างของดินสอ ในปัจจุบันความนิยมสำหรับดินสอประเภทค่อนข้างลดน้อยลงสำหรับกลุ่มวัยรุ่น แต่ยังคงได้รับความนิยมในกลุ่มวัยทำงานหรือองค์กรต่าง ๆ เพราะสามารถช่วยประหยัดต้นทุนองค์กรได้เป็นอย่างมาก แถมบางองค์กรยังสร้างเอกลักษณ์โดยการทำ ดินสอสกรีนโลโก้ บริษัทไว้ใช้กันในองค์กรเลยทีเดียว

  1. ดินสอกด

ดินสอประเภทนี้ได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่น นักเรียนนักศึกษา เป็นดินสอที่สามารถเปลี่ยนไส้ได้โดยไม่ต้องเหลา ถือเป็นวิวัฒนาการที่พัฒนาขึ้นมากของดินสอ เพราะสามารถสร้างความสะดวกสบายในการใช้งาน และไม่ต้องมานั่งเหลาให้เสียเวลาเหมือนดินสอไม้ หากใช้ไส้หมดก็เพียงแค่เปลี่ยนโดยนำไส้อันใหม่มาใส่แทน เพียงเท่านี้ก็ใช้งานต่อได้แล้ว ซึ่งขนาดของไส้ดินสอประเภทนี้จะมีขนาดอยู่ที่ 0.05-0.20 มม. ขึ้นอยู่กับประเภทและยี่ห้อของแต่ละชนิด

หากใครที่อ่านมาจนถึงตอนนี้ก็คงหายสงสัยกันแล้วว่าตัวเลขและตัวภาษาอังกฤษที่ระบุอยู่บนดินสอนั้นหมายความว่าอย่างไร หวังว่าต่อไปนี้ก็คงเลือกใช้กับงานขีดเขียนได้อย่างถูกประเภท ที่สำคัญการมีดินสอติดตัวไว้สักแท่งตลอดเวลาก็ถือว่าเป็นเรื่องดีไม่ใช่น้อย เพราะดินสอจะเป็นเครื่องมือชั้นดีในการช่วยจดหรือจำเรื่องราวต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เรื่องราวหรือรายละเอียดเหล่านั้นลบเลือนออกไปจากความคิด หากเมื่อใดเกิดลืมก็แค่เพียงกลับมานั่งอ่านหรือดูสิ่งที่บันทึกด้วยดินสอ ความทรงในช่วงขณะเวลานั้นก็จะกลับคืนมาได้อย่างแจ่มชัด